MOVIE REVIEW: "MEGALOPOLIS: THE CITY OF DISASTER": A FASCINATING CONCEPT THAT WILL MAKE YOU LOSE YOURSELF IN IT

Movie review: "Megalopolis: The City of Disaster": A fascinating concept that will make you lose yourself in it

Movie review: "Megalopolis: The City of Disaster": A fascinating concept that will make you lose yourself in it

Blog Article

รีวิวหนัง "Megalopolis นคราอาเพศ" คอนเซ็ปต์ที่น่าหลงใหล พิสมัยจนหลงหาย


ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง


ประเภท: ไซไฟ / ดรามา


ผู้กำกับ: ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา


นำแสดงโดย: อดัม ไดร์เวอร์, จิอันคาร์โล เอสโปซิโต, นาตาเลีย เอ็มมานูเอล


ความยาว: 138 นาที


กำหนดฉายในไทย: 26 กันยายน 2024 (ในโรงภาพยนตร์)


Movie-review-Megalopolis-The-City-of-Disaster-A-fascinating-concept-that-will-make-you-lose-yourself-in-it


เรื่องย่อ


Megalopolis นคราอาเพศ เป็นเรื่องราวของ ซีซาร์ สถาปนิกอุดมการณ์สูงที่หวังจะได้สร้างมหานครที่มีความมั่นคงยั่งยืน ภายหลังโลกต้องประสบภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง โดยมีพื้นหลังเป็นสังคมดิสโทเปียที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า แต่จากการที่ซีซาร์มีพลังควบคุมการไหลของเวลา ก็อาจกลายเป็นจุดพลิกผันของเรื่องราวทั้งหมดได้  ดูหนังฟรี

ผู้กำกับชั้นครู "ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา" กลับมารับหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ ที่น่าจะเป็นหนังฟอร์มมาสเตอร์พีชในรอบหลายสิบปีของเขา แน่นอนว่าเขาเป็นนักสร้างหนังระดับอาวุโสที่ได้รับการยกย่องจากวงการหนังสากล การกลับมาครั้งนี้จึงกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจและถูกจับตามองไม่น้อย เพราะนี่คือหนังที่คั้นสด ๆ และกรั่นกรองออกมาจากไอเดียในหัวของเขาอย่างพิถีพิถันและสุดโต่งอีกครั้ง

ในแง่งานสร้างและงานโปรดักชันของ Megalopolis ต้องยอมรับว่ายังคงรักษามาตรฐานชิ้นงานของปู่ฟรานซิสได้อย่างมั่นคง การดีไซน์แต่ละฉากค่อนข้างพิสมัยและพิศวงไปพร้อม ๆ กัน แต่กลับน่าเสียดายที่เมื่อมาอยู่ในเนื้อหาของหนังที่ออกฉายในปี 2024 หลายสิ่งค่อนข้างจะดูล้าสมัยและตกยุคไปเกือบจะหมดแล้ว หากว่านี่เป็นหนังที่ออกฉายเมื่อ 20 ปีก่อน มันก็น่าจะเป็นหนึ่งในหนังที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แต่พอมาอยู่ในปัจจุบันวันนี้ ผลลัพธ์จึงออกมาในระดับที่จืดชืด

ขณะที่เค้าโครงบทหนังเรื่องนี้จากฝีมือของปู่ฟรานซิส แน่นอนว่าเป็นบทหนังที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยไอเดียและคอนเซ็ปต์ที่ยิ่งใหญ่และทะเยอทะยานไม่น้อยเลย กับการสอดแทรกประเด็นทางการเมืองเข้าไป แต่ก็มีแต่อีกนั้นแหละ เพราะผลลัพธ์ที่ออกมานั้น Megalopolis ก็ออกอาการเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยทิศทางประหลาด ๆ อาจจะเพราะว่าบทหนังก็อยากจะเน้น แต่งานสร้างของหนังก็ไม่อยากทิ้งไปเช่นกัน กลายเป็นความพยายามที่เทส่วนผสมลงชามผสมแบบไม่ได้ชั่งตวงอะไร ดังนั้นมันจึงกลายเป็นบทหนังที่คนดูพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะจูนให้ติด แต่พยายามแล้วก็ยังคงพยายามต่อไปตลอดทั้งเรื่อง

ยิ่งมาผนวกเข้ากับการลำดับร้อยเรียงเรื่องราวและตัดต่อหนังเข้าไปด้วย ก็ยิ่งทำให้ Megalopolis ผลักไสคนดูออกไปทีละเรื่อย ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงชั่วโมงของหนัง คนดูต้องพยายามอย่างหนักที่จะทำความเข้าใจของหนัง แต่หลาย ๆ องค์ประกอบก็มักจะถูกขัดจังหวะด้วยลีลาการตัดต่อที่ชวนสะบักสะบมด้วยสไตล์การตัดฉับ ๆ แบบหนังยุคก่อน ที่กลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยความสันตะโรและโหวกเหวงเกินจำเป็น จนทำให้บางทีแทบจะรับสารที่หนังต้องการสื่อออกมาแทบไม่ได้เลย

นอกจากนี้ ยังเป็นหนังที่ใช้บริการทีมนักแสดงได้สิ้นเปลืองมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง โดยที่นักแสดงแต่ละคนก็คือยอดฝีมือทั้งนั้น แต่กลับนำมาหยอดใส่เอาไว้แบบผิดที่ผิดทางเกือบจะทั้งหมด การแสดงของพวกเขาคือประคับประคองตัวหนังแบบใช้ได้ แต่พอมาผสมเข้ากับองค์ประกอบต่าง ๆ ในนั้นเรื่องนี้แล้ว มันกลับบั่นทอนลีลาแอคติ้งของพวกเขาไปอย่างชวนผิดหวังทั้งหมด "อดัม ไดร์เวอร์" ถือบทของเขาได้ดีเยี่ยม แต่หนังร้อยเรียงคาแรกเตอร์ของเขาออกมาทิศทางแบบไหนก็ไม่รู้

เช่นเดียวกับ "นาตาเลีย เอ็มมานูเอล" หรือ "จิอันคาร์โล เอสโปซิโต" เป็นอีกคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจและสำคัญ แต่วิธีที่หนังกรองออกมานั้น กลับทำให้พวกเขาแทบจะจมหายไปกับหนังความยาว 2 ชั่วโมงนิด ๆ เรื่องนี้ จะมีก็แค่ "ออเดรย์ พลาซา" กับ "ไชอา ลาบัฟ" ที่บทของพวกเขามีมิติและลูกเล่นที่เยอะ พอมีช่วงจังหวะได้ปล่อยของได้บ้าง แต่ก็อีกเช่นเดิมนั่นแหละ ความบ้งบางจุดของตัวหนังก็ทำลายการแสดงที่เล่อค่าของพวกเขาไปแบบไม่ใยดี

หนังเรื่องนี้ยังได้คอมโพเซอร์คู่บุญ "ออสวัลโด้ โกลิจอฟ" กลับมาทำงานร้อยเรียงเพลงให้กับหนังปู่ฟรานซิสอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างจืดจางไปอย่างน่าเสียดาย เพราะความเอ็ดตะโรเกิดจะเป็นของหนังที่แทบจะกลบงานเพลงบรรเลงไปเสียมิด แต่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องชมว่างานโปรดักชันดีไซน์และคอสตูมเสื้อผ้าหน้าผมในหนังเรื่องนี้ทำออกมาดีใช้ได้ เก็บรายละเอียดได้แบบโชว์ลีลาอลังการ จนบางทีก็คิดว่าหนังน่าจะสิ้นเปลืองงบไปกับองค์ประกอบนี้ไม่น้อยทีเดียวเชียว


ความรู้สึกที่ได้จากการรับชม


สรุปภาพรวมแล้ว Megalopolis ก็น่าจะเป็นผลงานหนังที่มาช่วยตอกย้ำให้ได้รู้แล้ว ยุคสมัยอันเรืองรองของปู้ฟรานซิส ผู้กำกับระดับตำนานท่านนี้ได้ผ่านไปนานแล้ว ถึงไอเดียหนังจะดี แต่วิสัยทัศน์ต่าง ๆ อื่นที่ถูกถ่ายทอดออกมาในหนังค่อนข้างจะล้าสมัยและรสชาติจืดไปหมด อาจจะเป็นหนังในระดับที่ทำถึงของปู่ แต่สำหรับมาตรฐานหนังในยุคนี้ที่ได้ไปไกลกว่านั้นแล้ว  2u-hd.com

ซ้ำยังเป็นหนังที่ต้องใช้ความคิดและการตีความแบบหนัก ๆ ในการเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการและนามธรรมต่าง ๆ ที่ปรับจูนกับคนดูแค่ไหนก็ยังเข้าไปได้ไม่ถึงอยู่ดี วันนี้...เหมือนเราจะได้คำตอบแล้วว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงไม่มีสตูดิโอไหนสนใจซื้อไว้

#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024 #Megalopolis #นคราอาเพศ

กลับด้านบน

Report this page